Pumpkin

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

เมื่อนำอาหารเมนูต่างๆ มาเปรียบเทียบกับปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่างๆ

                               เมื่อนำอาหารเมนูต่างๆ มาเปรียบเทียบกับปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่างๆ ที่มีแคลอรี่ใกล้เคียงกัน เพื่อประโยชน์และสุขภาพของตัวเองจะเลือกทานอย่างไหน

                                ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จัดทำอินโฟกราฟฟิคให้ข้อมูลความรู้สุขภาพ ด้วยการเปรียบเทียบการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กับอาหารเมนูต่างๆ ที่มีปริมาณแคลอรี่ใกล้เคียงกัน ดังนี้


10 อันดับอาหารยอดอ้วน

อันดับ 10 ขนมปังขาว (White Bread)
อาหารชนิดนี้ทำมาจากแป้งสาลีขัดสี การขัดขาวทำให้สารอาหารในแป้งลดลง แถมใยอาหาร(Fiber)ก็หายไปด้วย เมื่อไม่มีกากใย ก็ทำให้เราอิ่มช้าลง ระดับน้ำตาลในเลือดของเราจะขึ้นสูงและลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เราหิวเก่ง ตัวอย่างเช่น ขนมปังแฮมเบอร์เกอร์ หรือขนมปังทำแซนด์วิช เราควรจะเลือกทานขนมปังโฮลวีทล้วน (100% ) มาทาน ในการควบคุมน้ำหนักให้คงที่ได้
อันดับ 9 ซีเรียล (Cereal)
ซีเรียลเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยน้ำตาล และก็ไม่ค่อยมีคุณค่าหรือวิตามินอะไรเลย ถึงแม้จะบอกหน้ากล่องว่า Whole Grain แต่วัตถุดิบมีส่วนประกอบน้ำตาลสูงเมื่อทานไปแล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นสูงอย่างฉับพลัน ทำให้เรากระปรี้กระเปร่า เดี๋ยวเดียว หลังจากนั้นแล้วระดับน้ำตาลก็ลดต่ำอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณหิวและต้องหาของกินเพิ่ม จนสุดท้ายความอ้วนก็มาคุณควรหลีกเลี่ยงในมื้อแรกของวัน คุณอาจจะเลือกทานผลไม้ หรือบางทีอาจจะเป็น ข้าวโอ๊ต โฮลเกรน เพื่อการลดน้ำหนักที่ได้ผล
อันดับ 8 อาหารลดน้ำหนัก (Diet Food Products)
อาหารไขมันต่ำ หรืออาหารสำหรับไดเอท แท้จริงแล้วไม่ได้ช่วยให้ลดน้ำหนักเลย  เพราะมันใส่ผงชูรส หรือสารเคมีแต่งรสที่ทำให้เราติดรสอาหารและอยากกินเพิ่ม เมื่อทานแล้ว มันจะหลอกร่างกายว่าได้รับอาหารแล้ว แต่จะทำให้เราหิวโซ หากคุณชอบดื่มน้ำอัดลมแบบไร้น้ำตาลมาก แต่ยิ่งดื่มกลับยิ่งหิว ดังนั้นเราน่าจะเลือกทานผักและผลไม้ จากธรรมชาติดีกว่า
อันดับ 7 ไก่ทอด (Fried Chicken)
มันมีความชุ่มไปด้วยน้ำมันทั้งยังผ่านการทอดในอุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำมันถูกใช้หลายครั้งไม่ถูกหลักสุขลักษณะหากชุบไก่ในแป้งทอดกรอบที่ทำจากแป้งสาลีขัดขาวไร้ประโยชน์อีก เพราะน้ำมันที่ร้อนทำให้สารอาหารในเนื้อไก่ก็สลายไปหมด ดังนั้นทางเลือกที่ดีควรนำไก่ไปอบแทนสุขภาพคุณจะดีขึ้น เวลาเราลดน้ำหนัก อาหารทอด ที่มีไขมันสูงนั้น ถือเป็นของต้องห้ามอันดับแรกควรหลีกเลี่ยง
อันดับ 6 น้ำหวาน และ ชา กาแฟ (Coffee)
กาแฟเย็น  ที่เราทานกันประจำ เต็มไปด้วยครีม และน้ำตาลที่เติมเพื่อความอร่อยแต่ทำให้เราเสียสุขภาพ บางแก้วมีพลังงานสูงถึง 800 กิโลแคลอรี่ เครื่องดื่มเหล่านี้ควรไม่ให้หวาน หรือมันมากเกินไป ถ้าอยากทานขนมหวานอย่างอื่นควบคู่ก็ทำได้ เพราะ เราสามารถควบคุมปริมาณได้ แต่อย่าทานกาแฟเย็นรสชาติหวานมันเข้มข้นในคราวเดียว จะทำให้ร่างกายปรับตัวตามระดับน้ำตาลและคาเฟอีนไม่ทันแล้ว ไม่สามารถควบคุมปริมาณไขมันและน้ำตาลที่ได้รับในแต่ละวัน
อันดับ ขนม และลูกกวาด (Candy)
ลูกอม หรือ ขนมแท่ง ที่ทานแก้หิว ที่สามารถคว้ากินได้ทั้งวัน  นอกจากทั้งน้ำตาลและไขมันจะเยอะแล้ว ขนม ลูกอม ต่างๆยังมีส่วนผสมสังเคราะห์อีกมากมายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ลองเปลี่ยนมาวางจานผลไม้ หรือพก ผลไม้ติดกระเป๋าไว้แทนขนมดีกว่า  รับรองว่าคุณต้องลดน้ำหนักลงได้อย่างแน่นอน
อันดับ 4 เฟรนช์ฟรายส์ (French Fries)
มันฝรั่ง ที่นำเอามาทอดในน้ำมันเฟรนช์ฟรายส์จึงเป็นอาหารแคลอรี่สูง ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของคนอยากลดน้ำหนัก เวลาไปทานอาหารฟ้าสต์ฟู้ด(Fast Food) ควร หลีกเลี่ยงเฟรนช์ฟรายส์ แล้วสุขภาพของคุณจะดีขึ้น
อันดับ 3 ขนมเบเกอรี่ ขนมอบต่างๆ (Pastries)
ขนมเบเกอรี่ต่างๆ  เต็มไปด้วยแป้งขัดขาวและน้ำตาลมันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ยังทำให้อ้วนง่ายอีกต่างหาก เพราะพอเราได้รับน้ำตาลมากเกินความจำเป็นของร่างกายจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม ทำให้เราอ้วนแทน อาหารประเภท พาย โดนัท เบเกอรี่ก็เช่นกัน มันทำมาจากแป้งและน้ำตาล ดังนั้น ถ้าอยากควบคุมน้ำหนัก คุณต้องพยายามหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ให้ได้
อันดับ 2 มันฝรั่งทอดกรอบ (Potato Chips)
มันก็คือเฟรนช์ฟรายส์ที่แต่งรส และใส่สารกันบูด  มันถูกทอดในน้ำมัน ไม่มีสารอาหารเหลืออะไรที่เป็นประโยชน์อยู่เลย ยังรวมถึง ขนมกรุบกรอบชนิดอื่นด้วย อย่างแผ่นข้าวโพดทอดกรอบ (Corn Chips) เป็นต้น จึงแนะนำให้แทนที่ของกรุบกรอบด้วย ผักและผลไม้แทนจะดีกว่า
อันดับ 1 น้ำอัดลม (Soda Pop)
ทำจากน้ำตาลข้าวโพด!  นำมาอัดกระป๋องแล้วก็ยิ่งดื่มง่าย น้ำอัดลมจัดเป็นเครื่องดื่มพลังงานสูง ไร้ประโยชน์ ที่ร่างกายพร้อมที่จะเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินสะสมเป็นไขมัน เมื่อใช้ไม่หมด ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าแทนหากคุณตัดน้ำอัดลมออกจากเมนูประจำวันได้ มันจะเป็นการคุมน้ำหนักที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
Credit: คอร์ริน่า ราเชล (Corrina Rachel)

        
ที่มา : http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=2718&read=true&count=true

วิธีคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ต่อวัน

วิธีคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ต่อวัน
ผู้หญิง = น้ำหนักตัว กิโลกรัม x 27

ผู้ชาย = น้ำหนักตัว กิโลกรัม x 31

การเผาผลาญพลังงาน

การเผาผลาญพลังงาน
การทำให้น้ำหนักหายไป 0.5 กิโลกรัม จะต้องใช้แคลอรี่ถึง 3500 kcal
โดยในแต่ละวัน คนทั่วไปเผาผลาญแคลอรี่ได้เพียง 2000 kcal
และก็ได้รับแคลอรี่จากอาหารที่รับประทานเข้าไป 2000-2500 kcal เช่นกัน


แคลลอรี่

แคลอรี่

คือหน่วยวัดปริมาณพลังงานที่ร่างกายใช้ในการเผาผลาญในกิจกรรมต่างๆ สร้างจาก โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จากอาหารและเครื่องดื่มที่รับประทานเข้าไป ถ้าได้รับแคลอรี่มากเกินความต้องการ จะถูกเก็บอยู่ในรูปไขมัน ถ้าได้รับแคลอรี่น้อยกว่าที่ต้องการ ร่างกายจะดึงแคลอรี่จากไขมันมาใช้เป็นพลังงาน

อาหารหลัห 5 หมู่

อาหารหลัก 5 หมู่ พูดถึงอาหารแล้วทุกคนย่อมเข้าใจถึงสิ่งที่กินเพื่อให้หายหิว และหายอยาก แต่หลายคนไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์และโภชนาการของอาหารเหล่านั้น จึงทำให้บางคนมีภาวะขาดสารอาหาร และบางคนเกิดภาวะเสื่อมถอยของร่างกายเพราะไม่ได้อาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจึงแสดงอาการออกมาตามสิ่งที่ขาดไป เช่น ขาดวิตามินเอ ทำให้ตาฟาง มองไม่เห็นในที่มืด เพราะไม่ได้กินผักผลไม้ให้เพียงพอ เป็นต้น ดังนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับ อาหารหลัก 5 หมู่ อย่างถ่องแท้กันเถอะ
               อาหารหลัก 5 หมู่ คือ อาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน 5 ชนิด โดยนำอาหารที่มีสารอาหารเหมือนกัน มาไว้ในหมวดหมู่เดียวกัน ซึ่งคนเราในแต่ละวันนั้น ต้องการสารอาหารทั้ง 5 ชนิด ดังนั้นเราควรกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่

อาหารหลัก 5 หมู่ จำแนกได้ดังนี้


หมู่ที่ 1 โปรตีน
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต
หมู่ที่ 3 วิตามิน
หมู่ที่ 4 แร่ธาตุ
หมู่ที่ 5 ไขมัน
                  อาหารหลัก 5 หมู่ ดังนี้

อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้ง (โปรตีน)

ให้สารอาหารประเภท โปรตีน
ประโยชน์
- ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค
- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ของร่างกาย อันได้แก่แผลต่างๆ หรือจากการเจ็บป่วย
จะถูกนำไปสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ดเลือด ผิงหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน ตลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ
สรุปให้จำง่ายๆ คือ เจริญเติบโต ซ่อมแซม สร้าง
โปรตีน เป็นส่วนประกอบหลักของทุก ๆเซลล์ในร่างกาย จึงถือได้ว่าอาหารหมูนี้เป็นอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างของร่างกายในการเจริญเติบโต และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ

อาหารหมู่ที่ ข้าวแป้ง น้ำตาล เผือก มัน (คาร์โบไฮเดรต)

ให้สารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต
ประโยชน์
- ให้ พลังงาน แก่ร่างกาย ให้ร่างกายสามารถทำงานได้
- ให้ ความอบอุ่น แก่ร่างกาย
สรุปให้จำง่ายๆ คือ ให้ พลังงาน+ความอบอุ่น
พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมดไปวันต่อวันเช่น ใช้ในการวิ่ง เล่น เดิน ทำงาน การออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และทำให้เกิดโรคอ้วนได้

อาหารหมู่ที่ 3 ผักต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ
ประโยชน์
- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค
- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย
ตัวอย่างอาหารหลัก หมู่นี้ คือ ผักต่าง ๆ เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาด และผักใบเขียวอื่น ๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงพืชผักอื่น ๆ เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วฝักยาว เป็นต้น

อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ
ประโยชน์
- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค
- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย




อาหารหมู่ที่ 5 น้ำมัน และไขมัน จากพืชและสัตว์ (ไขมัน)
  

ให้สารอาหารประเภท ไขมัน
ประโยชน์
- ให้พลังงานแก่ร่างกาย
- สะสมไว้ใต้ผิวหนังส่วนต่างๆ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และร่างกายจะดึงออกมาใช้เมื่อเวลาจำเป็น-
ช่วยดูดซึมวิตามินชนิดละลายในไขมัน อันได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี และ เค
สามารถแบ่งอาหาร กลุ่มไขมัน ได้เป็น 2 ประเภท
1 อาหารไขมันดี คือ ไขมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นซึ่งจัดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาใช้เองได้นั้นมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ รวมถึงใช้ในการผลิตฮอร์โมนบางชนิด อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดี ได้แก่ โอเมก้า 3 น้ำมันปลา ผัก ถั่วและเมล็ดธัญพืช
2.อาหารไขมันร้าย ได้แก่ ไขมันอิ่มตัว (ที่พบมากในเนื้อ เนย นมสดและเนยแข็ง) และไขมันทรานส์ (ที่พบมากในอาหารจำพวก มาการีน ขนมบรรจุและขนมอบ) โดยไขมันร้ายทั้งสองชนิดนี้จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและนำมาสู่โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เป็นต้น
ดังนั้นเราควรทานอาหารให้ได้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อจะได้ทำให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง เพื่อที่จะทำให้ร่างกายไม่เจ็บป่วย สุขภาพจิตใจ และร่างกาย ดีตลอดไป
ที่มา : http://www.rakjung.com/healthy-no130.html

สูตรดีท็อก

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนดีท็อกซ์ จะดีท็อกซ์ทั้งทีต้องวางแผนกันหน่อยเริ่มจากลดน้ำตาลสัก 1-2 สัปดาห์ก่อนดีท็อกซ์ พวกแป้งขัดสีส่วนแอลกอฮอล์หรืออาหารกระป๋องก็เพลาๆ ลงบ้าง และดื่มน้ำให้มากขึ้น ส่วนสาวๆ คนไหนทีติดกาแฟก็ค่อยๆ ลดปริมาณลงทีละน้อยจนกว่าจะอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งกาเฟอีนแล้วค่อยเริ่มดีท็อกซ์นะ
     - พร้อมแล้วก็เริ่มเลย สูตรที่นำมาฝากนี้ใช้ได้ตั้งแต่ 721 วัน โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สาวๆ ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองได้เลยว่าจะให้เวลากับการดีท็อกซ์ครั้งนี้กี่วันหลักการง่ายๆ จำไม่ยากก็คือตื่นเช้าให้ดื่มน้ำมะนาวครึ่งลูกผสมกับน้ำเปล่าอุ่นๆ หนึ่งแก้ว แล้วตลอดช่วงที่ดีท็อกซ์ให้งดแป้งและเนื้อสัตว์ทั้งหลาย แล้วกินแต่ผัก ผลไม้ โดยเน้นพวกผักใบเขียวเข้มๆ เช่น บร็อกโคลี่ คะน้า หน่อไม้ฝรั่ง จะทำเป็นสลัดน้ำใส หรือนึ่งให้สุกก็ได้แต่ห้ามปรุงรสนะจ๊ะ ส่วนผลไม้ควรเป็นส้มโอ แก้วมังกร สับปะรด ฝรั่ง หรือไม่ก็สตรอวเบอร์รี่ แต่ต้องกินสดๆ เท่านั้นไม่ต้องเชื่อมหรืออบแห้งใดๆ ทั้งสิ้น
     - พวกถั่วอบและธัญพืชต่าง ๆ ก็กินได้บ้างเล็กน้อยแต่อย่าปรุงแต่งรสก็แล้วกัน
     - ห้ามเผลอปากเด็ดขาด พวกนม ชีส ไข่ ถั่วเหลือง ชา กาแฟ แป้ง เนื้อสัตว์ แอลกอฮอล์ อย่าได้เผลอกินเข้าไปเลยเชียว เพราะความพยายามของคุณจะล้มเหลวทันที อ้อ! พวกผักผลไม้กระป๋องก็ห้ามนะ เตือนตัวเอง เอาไว้ว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงล้างสารพิษจะเพิ่มพิษเข้าตัวเองไปทำไม
     - ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ดื่มน้ำเปล่าอุ่นๆ หรืออุณหภูมิห้องให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็ 10 แก้วต่อวัน แต่มีทริกอยู่ว่าหลังกินอาหารเสร็จใหม่ๆ ให้ดื่มน้ำแก้ติดคอได้เล็กน้อย แล้วเว้นระยะห่าง 15 นาทีเพื่อให้น้ำย่อยทำงานได้เต็มที่แล้วค่อยดื่มแบบจัดหนักนะจ๊ะ
     - ดีท็อกซ์แล้วดียังไง อาจจะเหมือนอดอาหารธรรมดาแต่ช่วงที่ดีท็อกซ์นี้ร่างกายของคุณจะได้พักปรับสมดุล ทำความสะอาดลำไส้และแบคทีเรียที่เป็นโทษ ต่อร่างกายออกไป ลำไส้จะทำงานได้ตามปกติ ร่างกายก็จะสดชื่นระบบการทำงานในร่างกายดีขึ้นผิวใส ออร่าเปล่งประกาย และ น้ำหนักก็ลดลงด้วยนะ!
ความเชื่อผิดๆ     มนุษย์เราเป็นสัตว์กินพืชเวลาที่เรากินเนื้อสัตว์ ระบบย่อยต้องทำงานหนักมาก และต้องใช้เวลานานถึง 7 วัน เนื้อสัตว์จะหมักหมมอยู่ในลำไส้ บูดเน่า และเกิดเป็นแก๊สพิษสะสมและตกค้างอยู่ในร่างกาย
     - ดีท็อกซ์เป็นแค่การล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย ไม่ใช่การรักษาโรค
ประโยชน์การดีท็อก
1. ล้างลำไส้ช่วยให้มีการขับของเสียได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งยาระบาย โดยเฉพาะท่านที่มักท้องผูก
2.  ประโยชน์ของการล้างลำไส้ช่วยล้างลำไส้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เกิดการระคายเคืองต่อ
3. ช่วยทำให้ผิวเรามีสุขภาพดี เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล
4. ช่วยให้พุงยุบ ไม่มีของเสียตกข้างอยู่ในลำไส้ของเรา
5.  ระบบขับถ่ายและการไหลเวียนภายในร่างกายสมดุลยิ่งขึ้น
6.  ช่วยล้างไขมันในลำไส้เล็ก และยังมีไขมันฝ่ายดีและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
วิธีลดหน้าท้อง สูตรดีท็อกซ์ลำไส้สุขภาพดี ผิวสวย พุงยุบ
ส่วนประกอบ
1.นมสดรสจืดต้องใช้ชนิดที่เป็นนมโคแท้ 100% เท่านั้นขนาด มิลลิลิตร
2.โยเกิร์ตใช้รสธรรมชาติเท่านั้น ครึ่งถ้วย
3.มะนาวครึ่งลูก
4.น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
 การรับประทาน
กินช่วงเช้า  เวลาประมาณ  5.00 – 12.00  น. กินตอนท้องว่าง ตื่นมาแล้วกินเลย จะช่วยในเรื่องของการลดความอ้วน ลดพุง
กินช่วงบ่าย  เวลาประมาณ 13.00-15.00 น. จะไปช่วยย่อยขยะในลำไส้เล็กเพื่อเปลี่ยนขยะให้เป็น บี 12 ส่งไปเลี้ยงสมองได้ดีมาก
                กินช่วงเย็น เวลาไหนก็ได้ก่อนนอน ตอนที่ท้องเราว่าง จะช่วยในเรื่องของการลดความอ้วน ลดพุง ย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการกินช่วงเช้า
วิธีทำ
บีบน้ำมะนาวใส่แก้ว/เติมน้ำผึ้ง/ใส่โยเกิร์ต/ใส่นม คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวยกขึ้นดูน้ำผึ้งไม่ติดช้อนแล้ว ทานทันที ไม่วางไว้ ไม่แช่เย็น
หมายเหตุ : โยเกิร์ตควรแช่เย็น แต่สำหรับนมไม่ควรแช่เย็น หากนำนมเก็บไว้ในตู้เย็นควรให้นำไปอุ่นก่อนโดยแช่ในน้ำที่ต้มร้อนแล้วเพื่อคลายเย็นไม่ต้องต้มร้อน
วิธีลดน้ำหนักด้วยเม็ดแมงลัก ดีท็อกล้างพิษ ล้างลำไส้
ส่วนประกอบ
1.เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา
2.น้ำร้อน 1 แก้ว
การรับประทาน
สามารถทานเม็ดแมงลักเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ 3 – 4 วันต่อสัปดาห์
วิธีทำ  
นำเม็ดแมงลัก ตักใส่แก้วประมาณ 2ช้อนชา ผสมน้ำร้อน 1 แก้ว ตั้งทิ้งไว้ 30นาที เมื่อเม็ดแมงลักแตกตัวเต็มแก้วก็นำมาดื่มก่อนนอน สำหรับใครที่ไม่ชอบรสชาติแบบเพียวๆของเม็ดแมงลักเราอาจจะใส่น้ำผึ้ง น้ำสมุนไพรที่เราชอบ น้ำหวานเฮลบลูบอย 
การปรุงรสชาติเข้าไปจะทำให้เราทานง่ายขึ้น สำหรับเม็ดแมงลักนั้นจะมีใยอาหารสูงและมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ที่ดีต่อร่างกาย จึงช่วยในการลากอุจจาระที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียวนอกจากนี้  เม็ดแมงลักยังเป็นเมนูเครื่องดื่มที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ลดหน้าท้อง ลดพุงที่ดีอีกด้วย เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดพลังงาน แถมยังช่วยให้เราระบายถ่ายคล่อง  อีกทั้งยังช่วยในการลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย  นับว่าเป็นเครื่องดื่มสารพัดประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายเราอย่างมากเลย

หมายเหตุ : ข้อควรระวังในการทานเม็ดแมงลัก คือ ต้องรอให้เม็ดแมงลักแตกตัว พองตัวเต็มที่เสียก่อน เพราะแทนที่จะช่วยระบาย ก็อาจจะกลายเป็นทำให้ท้องผูกแทนได้ทันที
ดีท็อกขับถ่ายของเสีย ด้วยวิธีธรรมชาติ
สูตรที่ 1   ดื่มนมสด กล้วยน้ำว้า
ส่วนประกอบ
1.นมสด ปริมาณประมาณ 500 มิลลิลิตร
2.กล้วยน้ำว้า 2 ผล
การรับประทาน
ควรทานก่อน 6 โมงเช้าเพื่อให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายก่อนที่เราจะทานอาหารเช้า แนะนำให้ช่วงแรกๆควรทานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน เมื่อเราขับถ่ายอุจจาระเป็นเวลา คือก่อน 7 โมงเช้าแล้ว เราก็สามารถลดปริมาณการทานเหลือเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
สูตรที่ 2 
ส่วนประกอบ
1.ผักบุ้ง 2 กำมือ ผัดหรือต้ม



สาเหตุที่ให้ทานผักบุ้ง เพราะผักบุ้ง  ในผักบุ้ง 100 กรัมจะให้พลังงาน 22 กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยเส้นใย วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆอีกด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบีวิตามินบีวิตามินบีธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น  ช่วยป้องกันโรคท้องผูก  ช่วยทำความสะอาดของเสียที่ตกค้างในลำไส้  ผักบุ้งจีนมีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเหลือง ช่วยแก้อาการปัสสาวะเป็นเลือด ถ่ายออกมาเป็นเลือด ด้วยการใช้ลำต้นคั้นนำน้ำมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ฯลฯ เห็นไหมละค่ะว่าแค่ผักบุ้งตัวเดียวก็ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายจริงๆ  สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักควรจะทานเป็นผักบุ้งต้ม ดีกว่านะค่ะ จะได้ไม่เพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกายมาก

เตือนภัย

ผลไม้ที่ไม่ควรกิน กินเเล้วอ้วน!!!!

การกินผลไม้ กินแล้วดี มีประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งก็ต้องเลือกกิน และกินในปริมาณที่พอดี เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจจะทำให้อ้วนได้
ผลไม้กินแล้วอ้วนฉุ หนีไม่พ้นทุเรียน

อันดับ 1 คือ กล้วยไข่

อันดับ คือ กล้วยน้ำว้า

อันดับ คือ ขนุน

อันดับ คือ กล้วยหอม

อันดับ คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

อันดับ คือ ลำไยกะโหลกเขียว

อันดับ คือ ลองกอง

อันดับ คือ เงาะ

อันดับ คือ ลางสาด

อันดับสุดท้ายน้ำตาลน้อยสุด คือ ละมุด  



20 เมนูลดน้ำหนัก แคลอรี่ต่ำ กินมื้อเย็น ก็ผอมได้!!


ใครที่กำลังหนักอกหนักใจกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำตามสูตรมาแล้วสารพัดก็ยังไม่ได้ผล ก็เพราะเราทำตามสูตรเคร่งครัดมากเกินไป สุดท้ายตบะแตกกลับมากินหนักกว่าเดิม หากเราเปลี่ยนการกินเสียใหม่ หัดคำนวนแคลอรี่จนเป็นนิสัย ก็จะช่วยลดน้ำหนักได้ในระยะยาว ไม่กลับมาโยโย่อีกแน่นอน

เคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่า “มื้อเช้ากินอย่างพระราชา มื้อกลางวันกินแบบคนธรรมดา มื้อเย็นกินแบบยาจก” เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ สาวๆ women mthai สามารถทานอาหารได้อย่างตามใจปาก เพราะร่างกายต้องการพลังงานเพื่อไปเผาผลาญตลอดวัน แต่มื้อเย็นควรกินน้อยๆ เรียกว่าเป็นมื้อเบาๆ ก่อนที่เราจะเข้านอน หลังจากนั้นร่างกายก็แทบจะไม่เผาผลาญพลังงานอีกเลย มันจึงสะสมอยู่ตามแขน ขา สะโพก และ บั้นท้าย

หลังจากนี้คุณต้องปรับเปลี่ยนอาหารการกินซะใหม่ ที่สำคัญมื้อเย็นไม่จำเป็นต้องงดเลย เพราะยิ่งงดเราก็ยิ่งอยากกินหิวมากกว่าเดิม พอได้กินก็จะจัดหนักกินทีละเยอะๆ เรามาเริ่มจากการกินอาหารมื้อเย็น คือ ต้องกินแบบพอเพียง ไม่ต้องจัดหนักจัดเต็ม มาดูรายการ เมนูลดน้ำหนัก สำหรับ มื้อเย็น ที่กินแล้วรับรองไม่อ้วน!!

454934799

ส้มตำไทย 60 แคลอรี่

thailand food

แกงจืดมะระยัดไส้ 90 แคลอรี่

Chinese mix vegetables and rice noodles on old wooden table

ยำวุ้นเส้น 120 แคลอรี่

เมนูลดน้ำหนัก

ซุปไก่ 120 แคลอรี่

Pork ball Noodles

เส้นหมี่น้ำใส 200 แคลอรี่

Traditional Thai Food, Spicy Mixed Vegetable.

แกงเห็ดรวม 90 แคลอรี่

Hot-and-sour prawn soup




ต้มยำกุ้งน้ำใส 90 แคลอรี่

177232366

ต้มเลือดหมู 120 แคลอรี่

thai-food-salad

ส้มตำปู 35 แคลอรี่

thai-food-bamboo

ซุปหน่อไม้ 90 แคลอรี่

Thai famous pain soup

แกงจืดเต้าหู้หมูสับ 80 แคลอรี่

soup with egg tofu and pork

แกงจืดตำลึงหมูสับ 90 แคลอรี่

176870325

โจ๊กหมู 160 แคลอรี่

ห้ามใส่ไข่ เพราะโจ๊กหมูใส่ไข่ แคลอรี่สูงถึง 250

Hot and sour with fish.

แกงเหลือง 80 แคลอรี่

iStock_000049042068_Small

แกงส้มผักรวม 100 แคลอรี่

Fish maw, chinese food.

กระเพาะปลา 250 แคลอรี่

thai-food

ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกน้ำ 180 แคลอรี่

Fresh hot vegetable soup and spoon on wood

ต้มจับฉ่าย 90 แคลอรี่

176427861

ซุปมิโซะ 50 แคลอรี่

155308963

น้ำพริกผักต้ม 70 แคลอรี่


รู้หรือไม่ กินอาหารก่อนออกกำลัง ส่งผลดีกว่าที่คิด

คนส่วนมากมักเชื่อว่าการกินอาหารก่อนออกกำลังกายอาจทำให้จุกและไม่สบายตัว แต่การปล่อยให้หิวจนท้องร้องก่อนออกกำลังก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นกันเพราะความหิวจะส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์อย่างชัดเจน โดย อาลัน อารากอน ผู้ให้คำแนะนำด้านสุขภาพชื่อดังให้ความเห็นว่า เมื่อเราอารมณ์ดี การออกกำลังกายก็จะส่งผลได้ดียิ่งกว่าเดิม เราจึงควรดูแลอารมณ์ของให้ดี โดยเฉพาะเมื่อหิว ก็ควรหาอะไรกินสักหน่อย

ประโยชน์ของการกินอาหารก่อนออกกำลังกาย

-ออกกำลังกายได้นานขึ้น
การทานอาหารจะช่วยให้ร่างกายรับและแปลงพลังงานส่วนหนึ่งในรูปของพลังงานสำรองที่เรียกว่าไกรโคเจน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในขณะออกกำลังกายอย่างหนัก หากร่างกายเรามีพลังงานสำรองอย่างไกรโคเจนน้อยเกินไป การออกกำลังกายหนัก ๆ จะเป็นไปไม่ได้เลย หนุ่ม ๆ สามารถพบไกรโคเจนได้ในอาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต

-ป้องกันอาการกล้ามเนื้อฉีก
การออกกำลังกายทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานออกมาจากกล้ามเนื้อ เพราะยิ่งออกกำลังหนักเท่าไร กล้ามเนื้อก็ยิ่งถูกดึงพลังงานออกไปมากเท่านั้น ซึ่งการเสียพลังงานไปนั้นเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้ออย่างมาก เราจึงควรกินอาหารก่อนออกกำลังโดยเฉพาะจำพวกโปรตีนเพื่อให้ร่างกายดึงพลังงานไปเสริมกล้ามเนื้อได้โดยตรง ช่วยลดโอกาสบาดเจ็บได้

-เสริมสร้างการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ

เมื่อหนุ่ม ๆ กินอาหารประเภทโปรตีนก่อนออกกำลังกาย ร่างกายจะรับกรดอะมิโนซึ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างของกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้นตามไปด้วย

แอปเปิลทาเนยถั่ว

จัดเป็นอาหารว่างที่ควรกินก่อนออกกำลังกายประมาณ 30 
นาที โดยเมนูนี้หลายคนอาจไม่คุ้นเคยนัก แต่ด้วยประโยชน์ครบถ้วนจากน้ำตาลธรรมชาติใน แอปเปิล ซึ่งร่างกายจะสังเคราะห์มาเป็นพลังงานสำรองชั้นเยี่ยม บวกกับโปรตีนและไขมันชนิดที่ดีต่อสุขภาพในเนยถั่ว ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้และไม่ทำให้อ้วนขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ในเนยถั่วยังมีวิตามินอีสูง สามารถป้องกันโรคตับแข็งและอาการมึนเมาหลังจากปาร์ตี้ได้เป็นอย่างดี 

นมช็อกโกแลตกับกล้วยหอม

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเมนูนี้คือ 15 นาทีก่อนออกกำลังกาย โดยในน้ำนมนั้นมีโปรตีนชั้นยอดทั้งเวย์และเคซิอินประกอบกันอยู่ ซึ่งมีส่วนในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี มากไปกว่านั้้นทั้งในนมสดและกล้วยหอมยังมีคาร์โบไฮเดรตสูง ซึ่งร่างกายจะนำไปเป็นพลังงานสำรอง เพื่อให้เราสามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าการกินกล้วยหอมประมาณ 2-3 
ลูกต่อสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งในไตได้ 

ผลไม้แห้ง เบอร์รีและองุ่น

โค้งสุดท้ายก่อนการออกกำลังกายประมาณ นาที ก็ควรตุนคาร์โบไฮเดรตไว้ในร่างกายและลดปริมาณโปรตีนลงบ้าง เพราะถ้ารับโปรตีนเมื่อใกล้เวลาออกกำลังอาจทำให้ปวดท้องได้ คุณจึงควรกินพวกผลไม้หรือเบอร์รี ซึ่งช่วยให้พลังงานจากน้ำตาลแก่ร่างกายโดยตรงจะดีกว่า รวมถึงองุ่นสดแบบไม่ลอกเปลือกด้วย ซึ่งการกินองุ่นทั้งเปลือกช่วยเพิ่มระดับของไนตริกออกไซด์ในร่างกาย และขยายหลอดเลือด เมื่อเลือดไหลเวียนได้ง่ายก็ส่งผลให้ออกกำลังกายได้มากขึ้น นอกจากนี้องุ่นยังช่วยสกัดกั้นไขมันบริเวณสะโพกและหน้าท้อง ช่วยลดพุงไปในตัวอีกด้วย

ลดน้ำหนัก

1.หลังการตื่นนอนควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ แก้ว เพราะการดื่มน้ำหลังจากการตื่นนอนอย่างน้อย แก้ว จะทำให้ร่างกายของเราสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายของเสียของร่างกายเท่างานได้ง่ายยิ่งขึ้น
2.ทานดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งจะต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้น เพราะในดาร์กช็อกโกแลตจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ที่เป็นประโยชน์มากในหมู่สาวๆ
3.ลดการดื่มกาแฟ ชา และครีมเทียม
4.จดบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นสิ่งเตือนให้คุณควบคุมพฤติกรรมและยับยั้งการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
5.ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละ ครั้ง  เพราะถ้าหากคุณลดไม่ได้อย่างที่หวังไว้คุณอาจจะเครียดเผล่า ทางที่ดีคือ การชั่งน้ำหนักและสำรวจร่างกายของตัวเองเพียงอาทิตย์ละ ครั้งก็เพียงพอ
6.การทานอาหารเช้า เพราะอาหารมื้อเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณได้พลาดอาหารเช้าช่วงเวลาตั้งแต่ 06.00-10.00 น. ไปแล้ว ในมื้อต่อไปคุณอาจจะหิวมากขึ้น และอาจเผลอกินได้แบบไม่ยั้งซึ้งจะเป็นการเสียเวลาเปล่าที่จะลดน้ำหนัก
7.ให้เลือกรับประทานผักและผลไม้ให้มาก และอย่าละเลยในการรับประทานผักและผลไม้ เพราะในผักและผลไม้ มีทั้งสารอาหารต่างๆและเส้นใยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และยังช่วยให้การลดความอ้วนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
8.ให้ความสนใจใส่ใจกับข้าวกล่องให้มากขึ้น
9.อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหาร เพราะการที่คุณไปรับประทานอาหารที่ตามใจปากก็อาจจะทำให้คุณอ้วนได้ ซึ่งแนะนำการให้รางวัลตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการยกเว้นการรับประทานอาหาร อาจจะไป นวด เที่ยว ทำหน้า ทำผล ช้อปปิ้ง หรืออื่นๆแทน
10.การดื่มนม เป็นตัวช่วยหนึ่งที่สามารถทำให้คุณลดความอ้วนได้ เพราะนมอุดมไปด้วยแคลเซียม ถ้าหากร่างกายได้รับแคลเซียมสูงและวิตามินจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ อีกทั้งนมยังช่วยให้อิ่มท้องจนไม่อยากเครื่องดื่มรสหวานหรืออาหารอีกด้วย
11.เกลือ และ น้ำตาล เป็นจอมวายร้าย
12.ใช้ภาชนะใส่อาหารให้เล็กลง
13.กินเพื่ออยู่ไม่ได้อยู่เพื่อกิน เพราะการลดน้ำหนักไม่ได้สำคัญอยู่ที่การกินอะไรเข้าไปแต่สำคัญที่ว่าคุณกินไปเพื่ออะไร หากใครที่ชอบการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ควรเลิกซะ ควรทานมื้อที่หิวจริงๆ แล้วให้กินแต่พออิ่ม
14.หลีกเลี่ยงอาหารที่ติดมัน หรือทอด เพราะอาหารที่มาพร้อมกับน้ำมันจะทำให้คุณนั้นอ้วนขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และรวมไม่ถึงอาหารประเภทที่ติดมันด้วย ไม่ว่าจะเป็น หนังไก่ กุนเชียง กากหมู หมูสามชั้นทอด
15.หลีกเลี่ยงไข่แดง โดยให้ทานแต่ไข่ขาว
16.อย่ากักตุนอาหารไว้ในตู้เย็น เพราะสาวๆชอบหาข้ออ้างว่า มีไว้เพื่อเลี้ยงเพื่อน หรือเตรียมไว้เพื่อรับรองแขก แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้จนต้องมานั่งกินเอง ถ้าหากไม่อยากอ้วนคุณก็จะต้องกำจัดของในตู้เย็นซะ จะได้ไม่ต้องเผลอหยิบมากิน แต่ถ้าหากต้องการอาหารติดตู้เย็นแนะนำให้เป็นพวกอาหารเพื่อสุขภาพหรือผลไม้จะดีกว่า
17.อย่าดูทีวีไป กินไป
18.อย่าทานอะไรหลังมื้อเย็น เพราะถ้าหากคุณทานอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยแล้วร่างกายจะพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นควรที่จะปล่อยร่างกายให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วค่อยไปเริ่มให้ในมื้อเช้าถัดไป
19.การดื่มชาเขียว เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักของคุณได้ เพราะชาเขียวจะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ซึ่งควรดื่มประมาณ ถ้วยต่อวัน และไม่ควรดื่มชาเขียวที่ผสมน้ำตาลในปริมาณมากๆ
20.ความเครียด คือ จุดอ่อน เพราะถ้าหากปริมาณฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลให้ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงคุณจะหิวบ่อยนั่นเอง
21.ดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ปกติแล้วทุกคนควรจะดื่มน้ำอยู่ที่ 8-12 แก้วต่อวัน เพราะน้ำจะเป็นตัวช่วยในการเร่งระบบเผาผลาญ ที่จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ทั้งยังจะช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น ดังนั้นคุณควรดื่มน้ำ แก้ว ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าไปมองน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม ยกเว้นแต่น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง
22.การออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาน้ำหนักของคุณให้คงที่ในระยะยาว ซึ่งอาจจะทำได้ด้วยการเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ วัน
23.หาเพื่อนร่วมในการไดเอท เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกันอยู่ด้วยจะทำให้คุณมีกำลังที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
24.ระวัง… สลัดน้ำข้น
25.ค่อยๆเคี้ยวช้า
26.สรรหาจานสีเข้มๆ
27.การหัวเราะ จะช่วยให้หัวใจของคุณเต้นเร็วขึ้นและการที่เราหัวเราะจะทำให้เราหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้น ทั้งยังได้ออกกำลังหน้าท้องอีกด้วย
28.เลือกทานผลไม้สด เพราะในผลไม้ดองก็อาจมีสารแซคคารีนหรือที่เรียกว่าขัณฑสกรผสมอยู่ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และในน้ำผลไม้ปั่นก็จะมีทั้งน้ำเชื่อม น้ำตาลผสมอยู่
                29.อ่านฉลากก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่ม เพราะมันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันหรือแคลอรีสูงได้
30.เพิ่มรสชาติความเผ็ดให้กับอาหารนิดหน่อย เพราะพริกจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก
31.โปรตีนตัวช่วยในการลดความอ้วน เพราะโปรตีนจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นคงสภาพกล้ามเนื้อ โปรตีนที่แนะนำคือ โยเกิร์ต นม และอาหารจำพวกถั่ว
32.นอนหลับให้เพียงพอ ถ้าหากคุณนอนหลับไม่เพียงพอจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปตินซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ทั้งยังสามารถช่วยให้ร่างกายได้กำจัดไขมันส่วนที่เกินไปได้
33.ทานอาหารมื้อเล็กๆหลายๆมื้อ เพราะในการทานอาหาร 4-5 มื้อเล็กๆ ในแต่ละวันจะช่วยในเรื่องของการควบคุมระบบการเผาผลาญและความอยากได้ดีกว่าการทาน มื้อปกติ โดยอาจจะทานผลไม้หรือสแน็กเพื่อให้รู้สึกอิ่มและไม่หิว
34.แบ่งทานบางส่วนไม่ต้องทานให้หมด ควรที่จะแบ่งอาหารไว้ในจาน ส่วนแล้วทานเพียง ส่วนเท่านั้น
35.อย่าอดอาหาร เพราะยิ่งอดอาหารมากเท่าไหร่ก็จะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และยังทำให้คุณหิวมากขึ้นจนอาจจะทำให้ทานมื้อต่อไปได้มากกว่าปกติ